ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ในกรุงเทพมหานคร
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษากระบวนการรับผู้ใหญ่เข้าเป็นศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ ที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ในกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา ของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ในกรุงเทพมหานคร พื้นที่ศึกษาคือโบสถ์คาทอลิก 8 แห่ง ในเขตศาสนปกครองที่ 1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสาน ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณจากคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ จำนวน 267 คน และเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพกับคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ ด้วยวิธีการกำหนดแบบโควตาจำนวนโบสถ์ละ 1 คน รวม 8 คน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ในกรุงเทพมหานคร ปัจจัยแรกคือปัจจัยองค์กรคริสต์ศาสนา ได้แก่ พิธีกรรม กิจกรรมทางศาสนา สภาพแวดล้อมของโบสถ์คาทอลิก และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ปัจจัยที่สองคือปัจจัยภายใน ได้แก่ แรงจูงใจภายในจิตใจ ประสบการและวิกฤติชีวิต ปัจจัยที่สามคือปัจจัยภายนอกในมิติต่าง ๆ ได้แก่ มิติครอบครัว มิติสังคมชุมชนและวัฒนธรรม และมิติเศรษฐกิจ ปัจจัยที่สี่คือปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา ภูมิลำเนา อาชีพ รายได้ และจำนวนคนในครอบครัว ทำให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นของผู้ที่ตัดสินใจเปลี่ยนศาสนา 2) กระบวนการรับผู้ใหญ่เข้าเป็นศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ในกรุงเทพมหานครมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ซึ่งผลการวิจัยพบว่าคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ที่ตัดสินใจเปลี่ยนศาสนามีความชื่นชอบในกระบวนรับผู้ใหญ่เข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกที่มีการเรียนรู้คำสอนทางศาสนา รวมไปถึงการได้เข้าร่วมพิธีกรรมและได้ใกล้ชิดกับสมาชิกของโบสถ์คาทอลิก ซึ่งช่วยให้คริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่มีการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาที่เป็นขั้นเป็นตอนตลอดระยะเวลา 1 ปี 3) ปัญหาและอุปสรรคในการตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่ในกรุงเทพมหานคร คือ 3.1 ด้านครอบครัว ที่ไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาตให้เดินทางมาเรียนหรือเปลี่ยนศาสนา 3.2 ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาในเรื่องค่าครองชีพที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายทำให้ต้องทำงานในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ จึงไม่สามารถมาเรียนรู้คำสอนทางศาสนาที่โบสถ์คาทอลิกได้ และ 3.3 ด้านสังคม เป็นผลกระทบจากการย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในเมืองหลวงทำให้ความเป็นอยู่เปลี่ยนไปจากสังคมชนบทมาเป็นสังคมเมืองที่มีแต่ความเร่งรีบ ไม่สนใจกัน ทำให้คริสต์ศาสนิกชนคาทอลิกใหม่เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว ท้อแท้ สิ้นหวังเป็นผลมาจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป และต้องการแสวงหาที่พึ่งพิงทางจิตใจ
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของวิทยาลัยแสงธรรม ห้ามนำข้อความทั้งหมดไปตีพิมพ์ซ้ำ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากวิทยาลัยแสงธรรม
- เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ วิทยาลัยแสงธรรม ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
ฉวีวรรณ สัตยธรรม. (2541). การพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต (พิมพ์ครั้งที่ 3). ยุทธรินทร์การพิมพ์.
ชวลิต ตรียะประเสริฐ. (2559) การสร้างจิตรกรรมความเป็นพลเมืองของคาทอลิกในสังคมไทย. วารสารสังคมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 46(1), 27-50.
ชัยยนต์ ประดิษฐศิลป์. (2552). ลำดับเหตุการณ์ของชุมชนวัดโรมันคาทอลิกจันทบุรี ในรอบ 300 ปี. มหาวิทยาลัยบูรพา.
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2535). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหิดล.
สุรชัย ชุมศรพันธ์. (2558). ประวัติศาสตร์พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย. โรงพิมพ์อัสสัมชัญ.
สมศรี บุญอรุณรักษา. (2552). พระสังฆราชปัลเลอกัว “มิตรที่ดี สนิทสนมและจริงใจ” ในรัชกาลที่ 4. สื่อมวลชนคาทอลิกแห่งประเทศไทย.
James, W. (1985). The Varieties of Religious Experience. Penguin Books.
Lofland, J. and Stark, R. (1965). Becoming a World-Saver: A Theory of Conversion To A Deviant Perspective. American Journal of Sociology, 30(3), 862-875.
Rambo, L. (1993). Understanding Religious Conversion. Yala University Press.
Starbuck, E. (2008). The Psychology of Religion: An Empirical Study of the Growth of Religious Consciousness. Walter Scott.
Ullman, C. (1989). The Transformed Self. Plenum Press.
Yang, F. (1998). Chinese Conversion to Evangelical Christianity: The Importance of Social and Cultural Contexts. Sociology of Religion,
(3), 237-257.
