รูปแบบการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ในการป้องกันโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลชุมชน
คำสำคัญ:
การให้ความรู้, พฤติกรรมสุขภาพ, โรคหัวใจและหลอดเลือด, ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพของการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและพัฒนารูปแบบการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ในขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพของการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาสภาพของการให้ความรู้คือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 7 ท่าน ที่ให้การดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มารับบริการในคลินิกพิเศษโรคเรื้อรัง แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลชุมชนขนาดกลางในเขตสุขภาพที่ 2 จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย ตาก และอุตรดิตถ์ จังหวัดละ 1 โรงพยาบาล เครื่องที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured interview) ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ นำมาวิเคราะห์ เนื้อหา (Content analysis) เพื่อจำแนกประเด็น (theme) ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้ โดยนำผลจากการศึกษาสภาพการให้ความรู้นำมาสังเคราะห์ เชื่อมโยงกับวิธีการให้ความรู้และพัฒนาโครงร่างของรูปแบบการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง จากนั้นนำรูปแบบที่พัฒนาขึ้นทำการประเมินความถูกต้อง ความเหมาะสม และความเป็นไปได้ของรูปแบบ
ผลการวิจัยพบว่า
- สภาพการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง พบว่าการให้ความรู้เป็นวิธีการที่จะทำให้บุคคลเกิดการรับรู้ การให้ความรู้จะต้องอาศัยวิธีการ เทคนิค และความเหมาะสมทั้งผู้ที่ให้ความรู้และผู้รับโดยมีจุดมุ่งหมายของการให้ความรู้ที่แตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญคือขณะให้ความรู้กับบุคคลจะต้องเกิดความรู้ ความเข้าใจมีทักษะและสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม
- รูปแบบการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง มีองค์ประกอบ คือ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เนื้อหาสาระ แผนการและแนวทางการนำรูปแบบการให้ความรู้ไปใช้ การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ ผลจากการประเมินคุณภาพพบว่าความถูกต้องอยู่ในระดับมากที่สุด เหมาะสมและเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
มีสุวรรณ 3 (การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ.
ชลการ ทรงศรี. (2550). การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้เพื่อการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี, อุดรธานี.
ทัชชญา นิธิศบุณยกร. (2558). ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน : กรณีศึกษาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลเสม็ดอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
ปานใจ กันยะมี. (2553). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้และการสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
ปิยพงศ์ สอนลบ. (2558). การให้ความรู้ในการจัดการตนเองเมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก และการเข้ารับบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน (1669) ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่มารับบริการในคลินิกพิเศษโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย. พิษณุโลก: เอกสารประกอบการนำเสนอผลงานวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2558.
พัชรินทร์ ท้วมผิวทอง. (2549). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาใน รพ.ทหารผ่านศึก (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยรามคำแหง, กรุงเทพ.
รสริน ศรีริกานนท์. (2550). พฤติกรรมการวัดและประเมินผลการเรียนการสอนของครูมัธยมศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดปัตตานี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สงขลา.
วนัสสุดา ฟุ้งลัดดา. (2553). การประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด และความตั้งใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน กรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหิดล, นครปฐม.
วันทนา ทีฆพุฒิ. (2549). อุปสรรคในการดูแลตนเองของผู้ป่วยภาวะความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ในโรงพยาบาลเทศบาลนครเชียงใหม่ (การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). ระบบฐานข้อมูลด้านสังคมและคุณภาพชีวิต. สืบค้น 6 สิงหาคม 2561, จาก https://is.gd/vjMdkU
สุภารัตน์ คลื่นแก้ว. (2552). ผลของโปรแกรมให้ความรู้ด้านสุขภาพต่อความรู้เรื่องโรคและการใช้ยาในผู้สูงอายุที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง (การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น.
ศศิธร เวียงวะลัย. (2556). การจัดการเรียนรู้ (Leaning Management). กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้ว เฮ้าส์.
อดุลย์ บัณฑุกุล. (2555). ความรู้เรื่องโรคเรื้อรัง. สืบค้น 2 กรกฎาคม 2557, จาก http://hospital.moph.go.th/bankhai
อภิวันท์ แก้ววรรณรัตน์. (2554). วิธีการให้ความรู้ทางสุขภาพ. เชียงใหม่: ยูนิตี้ แอนด์ โปรเกรสโซลูชั่น.
Joyce, B. R., & Weil, M. (1986). Models of teaching. Englewood Cliffs. NJ: Prentice-Hall.
Mancia, G., Fagard, R., Narkiewicz, K., Redon, J., Zanchetti, A., Bohm, M., … Task, F. M. (2013). 2013 ESH/ESC Guidelines for the management of arterial hypertension: the Task Force for the management of arterial hypertension of the European Society of Hypertension (ESH) and of the European Society of Cardiology (ESC). J Hypertens, 31(7), 1281-357.
Mitic, W., Abdelaziz, F. B., & Madi, H. (2012). Health Education: Theoretical Concepts, Effective Strategies and Core Competencies. World Health Organization.
NCD Risk Factor Collaboration. (2017). Worldwide trends in body-mass index, underweight, overweight, and obesity from 1975 to 2016: a pooled analysis of 2416 population-based measurement studies in 1289 million children, adolescents, and adults. Lancet, 16(390), 2627-2642.
Saan, H., & Wise, M. (2011). Enable, mediate, advocate. Health Promotion International, 26(S2), ii187–ii193.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


