กระบวนการขับเคลื่อนเทคโนโลยีการศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดชายแดนใต้
คำสำคัญ:
กระบวนการขับเคลื่อนเทคโนโลยีการศึกษา, เครือข่ายเทคโนโลยีการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ประเมินความต้องการจำเป็นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรียนรู้ของครู โรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน จังหวัดชายแดนใต้ และ (2) พัฒนาและประเมินกระบวนการขับเคลื่อนเทคโนโลยีการศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน จังหวัดชายแดนใต้ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ (1) ผู้บริหาร 1 คน (2) ครูที่รับผิดชอบด้านสื่อและเทคโนโลยีในโรงเรียน 2 คน และ (3) ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 คน จากโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชนในจังหวัดชายแดนใต้ 12 โรงเรียน รวม 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประเด็นคำถามการสนทนากลุ่ม แบบประเมินทักษะการใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรียนรู้ของครู และแบบติดตามผลการเรียนรู้ของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการสรุปแบบอุปนัย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความถี่ ร้อยละ และการทดสอบ The Wilcoxon signed rank ผลการวิจัย พบว่า 1. ครูโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน จังหวัดชายแดนใต้มีความต้องการจำเป็น ดังนี้ (1) ด้านวัสดุอุปกรณ์: ครูต้องการใช้กูเกิลแอปพลิเคชันเพื่อให้สอดคล้องกับอุปกรณ์พื้นฐานในโรงเรียน (2) ด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรียนรู้ : ต้องการใช้กูเกิลแอปพลิเคชันในการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาที่ครูรับผิดชอบ (3) ด้านการฝึกอบรม: ใช้การอบรมโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน และ (4) ด้านระยะเวลา : ต้องการพัฒนาในวันหยุดเพื่อไม่ให้กระทบกับการสอน 2. กระบวนการขับเคลื่อนเทคโนโลยีการศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดชายแดนใต้ประกอบด้วยแนวคิด และโครงสร้างของกระบวนการ โดยโครงสร้างของกระบวนการ ประกอบด้วย (1) การสร้างความตระหนัก (realization) (2) การเตรียมเครือข่าย (courtship) (3) การสร้างพันธกรณีร่วมกัน (commitment) (4) การสร้างความสัมพันธ์ผ่านกิจกรรม (action group) โดยมีขั้นตอนการวางแผนพัฒนาครู (P; Prepare) การพัฒนาครู (D; Develop) การติดตามให้คำปรึกษา (C; Coach) การประเมินผล (C; Check) และการสะท้อนผล (A; Act) และ (5) การธำรงเครือข่าย (network) ผ่านแผนปฏิบัติการ 5 แผน เวลา 48 ชั่วโมง และมีคู่มือ 1 เล่ม โดยมีความถูกต้องเชิงหลักการอยู่ในระดับสูง ความเหมาะสมกับบริบท ความมีประโยชน์ที่ได้รับ และมีความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ค่อนข้างสูงถึงสูง 3. การประเมินผลการใช้กระบวนการขับเคลื่อนเทคโนโลยีการศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน จังหวัดชายแดนใต้ พบว่า ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยทักษะการใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรียนรู้หลังสูงกว่าก่อนการเข้าร่วมกระบวนการฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนมีผลการเรียนรู้หลังจากที่ครูใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการเรียนรู้ในระดับ 5 ร้อยละ 5.28 ระดับ 4 ร้อยละ 46.13 ระดับ 3 ร้อยละ 37.32 และระดับ 2 ร้อยละ 11.27
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2556). ศธ.จี้ครูปรับบทบาทใหม่ทันกับเทคโนโลยีสอนเด็ก. สืบค้น 29 ตุลาคม 2558, จาก http://www.moe.go.th/.
กฤธยากาญจน์ โตพิทักษ์, วรินธร เบญจศรี, วีนัส ศรีศักดา, จินตนา กสินันท์, เสาวรส ยิ่งวรรณะ, คุณอานันท์ นิรมล และศิริรัตน์ สินประจักษ์ผล. (2559). การพัฒนากระบวนการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกรักษ์น้ำของเยาวชนลุ่มน้ำคลองท่าแนะ จังหวัดพัทลุง. สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.
เครือศรี วิเศษสุวรรณภูมิ, ชุมศักดิ์ อินทร์รักษ์ และอนุศักดิ์ ตั้งปณิธานวัฒน์. (2555). การส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมเครือข่าย การเรียนรู้ของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้. วารสารปาริชาติ, 25(2), 81-90.
นฤมล นิราธร. (2543). การสร้างเครือข่ายการทำงาน: ข้อควรพิจารณาบางประการ. กรุงเทพฯ: โครงการระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดปัญหาการใช้แรงงานเด็ก.
ปาริชาติ วลัยเสถียร. (2548). (บรรณาธิการ). เครือข่าย: ธรรมชาติ ความรู้ และการจัดการ. พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (อบอุ่น) เขียน (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: พิสิษฐ์ไทย ออฟเซต.
พิสิฐ เทพไกรวัล. (2554). การพัฒนารูปแบบเครือข่ายความร่วมมือเพื่อคุณภาพการจัดการศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น.
ภัทรวรรธน์ นิลแก้ว บวรวชิญ์. (2559). รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
มงคล หมู่มาก, อังคณา อ่อนธานี, วารีรัตน์ แก้วอุไร และเอื้อมพร หลินเจริญ. (2559). การพัฒนาหลักสูตรเพื่อเสริมสร้างความสามารถทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนด้วยเครือข่ายการจัดการความรู้สำหรับครู. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 18(1), 1-9.
รสสุคนธ์ มกรมณี. (2557). เรื่องน่าวิจัย: การออกแบบการเรียนรู้เพื่อศตวรรษที่ 21. ใน การประชุมทางวิชาการของคุรุสภา ประจำปี 2557 (น. 10-18). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา.
ศศิธร เขียวกอ. (2548). การพัฒนาสมรรถภาพด้านการประเมินสำหรับครูโรงเรียนประถมศึกษาเปรียบเทียบผลการฝึกอบรมระหว่างการฝึกอบรมแบบดั้งเดิมและแบบใช้โรงเรียนเป็นฐาน (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
สกาวรัตน์ ชุ่มเชย. (2543). รูปแบบการวิจัยปฏิบัติการสำหรับครูโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
สุมน อมรวิวัฒน์. (2533). สมบัติทิพย์ของการศึกษาไทย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2546). การพัฒนาครูโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์. (2550). รูปแบบการบริหารจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนใต้ (รายงานวิจัย). กรุงเทพฯ: สำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2547). กรณีตัวอย่างรูปแบบการวิจัยและพัฒนาทั้งโรงเรียนของนักวิจัยในพื้นที่โครงการปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและมูลนิธิสุข-แก้ว แก้วแดง. (2554). รายงานการวิเคราะห์เจาะลึกการประเมินคุณภาพการศึกษารอบที่ 2 (ปี 2549-2553) โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้. กรุงเทพ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
Anderson, J. (2010). ICT transforming education a regional guide. Thailand: UNESCO Bangkok.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


