การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดขั้นสูง สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
คำสำคัญ:
วิชาฟิสิกส์, กระบวนการคิดขั้นสูง, นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายบทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดขั้นสูง สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 57 คน และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 380 จาก 16 โรงเรียน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ คู่มือการใช้รูปแบบ แบบทดสอบวัดกระบวนการคิดขั้นสูง และแบบสอบถามความความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเชื่อมั่น ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าสถิติทดสอบที ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการจัดการเรียนรู้ในวิชาฟิสิกส์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า ด้านการจัดกิจกรรม การเรียนรู้มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง 2. รูปแบบการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดขั้นสูง สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์
3) กระบวนการเรียนการสอน 4) การวัดและประเมินผล 5) บรรยากาศการเรียนรู้ 6) บทบาทของครูผู้สอน และ 7) บทบาทของนักเรียน 3. ผลการทดลองใช้รูปแบบพบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนรู้ของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และคะแนนเฉลี่ยกระบวนการคิดขั้นสูงของนักเรียนกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิดขั้นสูงสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กาญจนา จันทร์ประเสริฐ. (2554). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบนําตนเองโดยใช้ปัญหาเป็นฐานในการสอนวิชาฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ดุษฎีนิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยรังสิต, ปทุมธานี.
เขมณัฏฐ์ มิ่งศิริธรรม. (2552). การพัฒนารูปแบบการเรียนบนเว็บเชิงบูรณาการระหว่างการเรียนแบบร่วมมือกับการเรียนร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเรียนด้วยการนำตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
จิรนันท์ พึ่งกลั่น. (2555). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐานที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โรงเรียนบ้านค่าย จังหวัดระยอง (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ.
ชนาธิป พรกุล. (2554). การสอนกระบวนการคิดทฤษฎีและการนำไปใช้ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: วี พริ้นท์ (1991).
ทองสุข รวยสูงเนิน. (2552). เอกสารชุดพัฒนาทักษะการคิด โครงการวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดสำหรับนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เล่ม 2 รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนาความก้าวหน้า.
ทิศนา แขมมณี. (2552). รูปแบบการเรียนการสอนทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2550). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี: คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.
นัดดา อังสุโวทัย. (2550). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาเคมีที่เน้นกระบวนการเรียนรู้แบบนําตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี (วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพฯ.
ผ่องพรรณ ตรัยมงคลกูล. (2543). การวิจัยเชิงทดลองทางพฤติกรรมศาสตร์ในการออกแบบวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ: ภณิดา ชัยปัญญา.
ลาวัณย์ ทองมนต์. (2550). การพัฒนาหลักสูตรเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองของนักเรียนในระดับประถมศึกษา (วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพฯ.
วิทยา วรพันธุ์, ประสาท เนืองเฉลิม และอมร มะลาศรี. (2559). รูปแบบการเรียนรู้แบบนําตนเองวิชาฟิสิกส์สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, 11(2), 31-46.
วีณา ประชากูล และประสาท เนืองเฉลิม. (2554). รูปแบบการเรียนการสอน (พิมพ์ครั้งที่ 2). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สมสุข ประภา. (2558). การพัฒนา 2I3C Physics Instructional Model โดยใช้วิทยาศาสตร์การโต้แย้งสำหรับโรงเรียนมัธยมปลาย (การค้นคว้าอิสระการศึกษาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กรุงเทพฯ.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). แนวทางการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา: เพื่อพร้อมรับการประเมินภายนอก. กรุงเทพฯ: สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน).
Arends, R. I. (1997). Classroom instruction and management. New York: McGraw-Hill.
Carpenter, J. (2011). Self – Direction in the online and face to face classroom: A new look at Grow’s staged self-directed learning model (Dissertation for the Degree Doctor of Education). Northern Illinois University, America.
Hall, J, D. (2011). Self-Directed Learning Characteristics of First-Generation, First-Year College Students Participating in a Summer Bridge Program (Dissertation Doctor of Education). University of South Florida, Florida.
Joyce, B., & Weil, M. (1992). Models of teaching. Needham heights: MA Allyn and Bacon.
Rob, T. (2011). How science works : exploring effective pedagogy and practice. New York: Routledge.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


