การศึกษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของคนส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านนาเมือง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก
DOI:
https://doi.org/10.14456//psruhss.2021.14คำสำคัญ:
วิถีชีวิต, วัฒนธรรม, ประเพณีบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของคนส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านนาเมือง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก 2) เพื่อศึกษาการสืบสานวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของชาวลาวบ้านนาเมือง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก โดยใช้กระบวนการวิจัยอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน มีตัวแทนจากชุมชน ร่วมเป็นทีมวิจัยและร่วมเป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบการสังเกตการณ์มีส่วนร่วมในกิจกรรมทอผ้าและประกอบอาหารพื้นถิ่น ผลการวิจัยพบว่า วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของคนส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านนาเมือง มีความสัมพันธ์กับธรรมชาติและสิ่งเหนือธรรมชาติ ใน 3 ด้านหลัก คือ ด้านการทํามาหากิน ด้านความสัมพันธ์ทางสังคม และด้านความเป็นอยู่ ซึ่งหล่อหลอมให้เกิดเป็นความเชื่อและพิธีกรรม โดยมี ฮีต 12 คอง 14 เป็นตัวกํากับคุณธรรม จริยธรรม และการปฏิบัติของหมู่บ้าน ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดความสงบสุขในการดํารงชีวิต โดยการสืบสานวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของชาวลาวบ้านนาเมือง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เกิดจาก 1) เกิดจากระบบครอบครัว 2) เกิดจากความเชื่อ เรื่อง ผีหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ 3) เกิดจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสมาชิกในชุมชน 4) เกิดจากความเข้มแข็งของวัฒนธรรม/ประเพณีที่สำคัญของชุมชน และ 5) เกิดจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนา และมีรูปแบบ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) สมาชิกในครอบครัวเป็นหลักในการสืบสานและถ่ายทอด 2) เก็บข้อมูลไว้ในตัวปราชญ์ชาวบ้านและผู้รู้
3) ชุมชน วัดและสถานศึกษามีส่วนร่วมในการสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี ของหมู่บ้าน
เอกสารอ้างอิง
บันเทิง พาพิจิตร. (2549). ประเพณี วัฒนธรรมไทย และความเชื่อ. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
บุษบา หินเธาว์. (2557). การวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อหาแนวทางอนุรักษ์ฟื้นฟูภูมิปัญญาผ้าทอลาวครั่ง. วารสารปาริชาต มหาวิทยาลัยทักษิณ (ฉบับพิเศษ), 27(3), 132-144.
พระครูวิมลกิตติสุนทร และพระพงษ์ศักดิ์ ปัญญาดี. (2548). การสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี 12 เดือน ที่เอื้อต่อวิถีชีวิต ชุมชนโดยความร่วมมือของชุมชนตําบลช่อแฮ และตําบลป่าแดง อําเภอเมือง จังหวัดแพร่. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย.
รัศมี ชูทรงเดช, นุชนภางค์ ชุมดี, ศิริลักษณ์ กัณฑศรี และเชิดศักดิ์ ตรีรยาภิวัฒน์. (2552). โครงการสืบค้นและจัดการมรดกทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ในอำเภอปาย-ปางมะผ้า-ขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน (รายงานการวิจัย). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วนิดา ตรีสวัสดิ์. (2559). การสื่อสารอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ลาวเวียงของวัดในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ฉบับพิเศษ, 8(2), 11-21.
วิชุพันธ์ ไทยโพธิ์ศรี. (2553 ). การปรับตัวและการดำรงอยู่ของชุมชนลาวโซ่ง กรณีศึกษา บ้านเกาะแรด อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร, นครปฐม.
สมประสงค์ พันธุประยูร. (2557). การถ่ายทอด ความคิด ความเชื่อ ของชาวปกาเกอะญอผ่านพิธีกรรม กรณีศึกษาบ้านทิโพจิ หมู่ที่ 4 ตําบลแม่จัน อําเภออุ้มผาง จังหวัดตาก (การค้นคว้าอิสระประกาศนียบัตรบัณฑิต). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ.
สมศักดิ์ ศรีสันติสุข. (2550). การประเมินและสังเคราะห์สถานภาพองค์ความรู้การวิจัยวัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ความหลากหลายทางชาติพันธุ์. วารสารภาษาและวัฒนธรรม, 26(1-2), 35-49.
อภิชาติ จันทร์แดง. (2546). ความเชื่อ พิธีกรรม: กระบวนการเรียนรู้เพื่อศักยภาพการพึ่งตนเองของชุมชนชนบท ศึกษาเฉพาะกรณี ชุมชนบ้านยางหลวง ตำบลท่ายา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อาหมัดอัลซารีย์ มูเก็ม. (2559). ประเพณีพิธีกรรมความเชื่อที่มีความสัมพันธ์ต่อวิถีชีวิตของชนกลุ่มชาติพันธุ์เขมรบนพื้นที่บ้านจารย์ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Mary Macken-Horarik. (2014). Making Productive Use of Four Models of School English : A Case Study Revisited. English in Australia, 49(3), 7–19.
Radcliffe-Brown, A. R. (1951). The Comparative Method in Social Anthropology. The Journal of the Royal Anthropological Institute of Great Britain and Ireland, 81(1/2), 15-22.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


