แรงจูงใจที่ส่งผลต่อสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16

ผู้แต่ง

  • เอนก อมราพิทักษ์ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • วุฒิชัย เนียมเทศ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

DOI:

https://doi.org/10.14456//psruhss.2021.9

คำสำคัญ:

ข้าราชการครู, แรงจูงใจ, สมรรถนะประจำสายงาน

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับแรงจูงใจของข้าราชการครู 2) ระดับสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครู 3) ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจและสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครู    4) ตัวแปรพยากรณ์ของแรงจูงใจที่ส่งผลต่อสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ข้าราชการครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดสงขลาและสตูล รวมทั้งสิ้นจำนวน 359 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ตามหลักการของลิเคิร์ท  โดยแบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจของข้าราชการครูมีค่าความตรงของเนื้อหาตั้งแต่ .60 ขึ้นไป และมีค่าความเชื่อมั่น .951 และสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครูมีค่าความตรงของเนื้อหาตั้งแต่ .60 ขึ้นไป มีค่าความเชื่อมั่น .980 สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1) แรงจูงใจของข้าราชการครูโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านความต้องการความมั่นคงในตำแหน่งงานมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าด้านอื่น และด้านความต้องการสิ่งพื้นฐานในการดำเนินชีวิตมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าด้านอื่น 2) สมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครูโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านการบริหารจัดการชั้นเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าด้านอื่น และ
ด้านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าด้านอื่น 3) แรงจูงใจมีความสัมพันธ์ทางบวกกับสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครูในระดับค่อนข้างสูง (r = .656) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) แรงจูงใจของข้าราชการครูด้านความต้องการความก้าวหน้าในงานอาชีพ (X6) ด้านความต้องการมีสัมพันธภาพที่ดีในหน่วยงาน (X3) และความต้องการได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายหรือความรับผิดชอบที่สูงขึ้น (X5) สามารถสร้างสมการพยากรณ์ของแรงจูงใจที่ส่งผลต่อสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ เท่ากับ .672 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 อำนาจพยากรณ์เท่ากับ ร้อยละ 45.2 เขียนเป็นสมการสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบและที่คะแนนมาตรฐานได้ดังนี้ สมการพยากรณ์ในรูปแบบคะแนนดิบ 

gif.latex?{\hat{Y}} = 1.773 + .232(X6) + .196(X3) + .161(X5)

สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน

gif.latex?\hat{Z}  = .326(X6) + .248(X3) + .199(X5)

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม. (ฉบับที่ 2). พ.ศ. 2545 พร้อมกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องและพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ ร.ส.พ.

จิราภรณ์ ตั้งกิตติภาภรณ์. (2556). จิตวิทยาทั่วไป. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

จุติพร จินาพันธ์ และสฎายุ ธีระวณิชตระกูล. (2560). แรงจูงใจของครูที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 18. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 28(2), 267-283.

ดารารัตน์ จันทร์กาย. (2557). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศไทย. สืบค้น 20 กุมภาพันธ์ 2562, จาก http://www.academia.edu/6622612.

ปิยนุช แสงนาค. (2559). สมรรถนะที่พึงประสงค์สําหรับครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดจันทบุรี (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี, จันทบุรี.

มหิศวรณ์ ชัยเพ็ชร. (2560). ปัจจัยที่มีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการนายทหารชั้นสัญญาบัตรสังกัดกองบัญชาการกองทัพบกที่ 3. กรุงเทพฯ: เอกสารวิจัย วิทยาลัยกองทัพบก.

เมธัส วันแอเลาะ. (2550). ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะของครูโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม ระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารศรีปทุมปริทัศน์, 7(2), 88-101.

รัชนิดา ไสยรส และสิทธิพรร์ สุนทร. (2561). ปัจจัยแรงจูงใจที่ส่งผลต่อสมรรถนะในการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3. วารสารบัณฑิตศาส์น มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, 16(1), 31-40.

วิภากนก เต็งประกอบกิจ และนันทิยา น้อยจันทร์. (2555). การศึกษาความสัมพันธ์ของแรงจูงใจกับความสามารถในการปฏิบัติงานของครู ในสังกัดเทศบาลเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท. วารสารวิชาการบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 7(20), 85-94.

วิไลวรรณ ศรีสงคราม. (2549). จิตวิทยาทั่วไป. กรุงเทพฯ: ทริปเปิ้ลกรุ๊ป.

สมยศ นาวีการ. (2547). ทฤษฎีองค์การ. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ.

สาโรจ แก้วมณี. (2561). ความสุขในการทำงานที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้ของครูโรงเรียนมัธยมในสหวิทยาเขตนครหาดใหญ่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16. (สารนิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ปัตตานี.

สุรพันธ์ ฉันทแดนสุวรรณ. (2553). หลักการบริหารธุรกิจ. กรุงเทพฯ: จุดทอง.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). คู่มือประเมินสมรรถนะครู. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2549). กฎหมายและหนังสือเวียนของ ก.ค.ศ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา.

องค์อร ประจันเขตต์. (2557). องค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษาทางเลือกใหม่ของการบริหารการศึกษา. วารสารพยาบาลทหารบก, 16(1), 45-51.

Johnson, D. W. (1991). Human relations and your career (3rd ed.). Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall.

Kouzes, J. M., & Posner, B. (2002). The leadership challenge. (3rded). San Francisco: Jossey-Bass.

Steer, R. M., & Porter, W. L. (1991). Motivation and work behavior. New York: McGraw-Hill.

Villegas-Reimers, E. (2003). Teacher professional development: an international review of the literature. Retrieved January 5, 2019, from https://unesdoc.unesco.org/ark:/48223/pf0000133010.

Yamane, T. (1973). Statistics: an introductory analysis. New York: Harper and Ro

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

18-08-2020

รูปแบบการอ้างอิง

อมราพิทักษ์ เ. ., & เนียมเทศ ว. (2020). แรงจูงใจที่ส่งผลต่อสมรรถนะประจำสายงานของข้าราชการครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 15(1), 104–116. https://doi.org/10.14456//psruhss.2021.9

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย