การพัฒนาครูการศึกษาพิเศษด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญด้วยกระบวนการระบบพี่เลี้ยง
DOI:
https://doi.org/10.14456/psruhss.2023.7คำสำคัญ:
ครูการศึกษาพิเศษ , แผนการสอนเฉพาะบุคคล , ระบบพี่เลี้ยงบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ความต้องการของครูการศึกษาพิเศษด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2) ผลการพัฒนาครูการศึกษาพิเศษด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญด้วยกระบวนการระบบพี่เลี้ยง และ3) ความคิดเห็นของครูการศึกษาพิเศษที่มีต่อการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญด้วยกระบวนการระบบพี่เลี้ยง ใช้วิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการ(Action Research) กลุ่มตัวอย่างเป็นครูการศึกษาพิเศษ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 25 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง ระยะในการศึกษาวิจัย 1 ปีการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แบบสำรวจความต้องการของครูการศึกษาพิเศษด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2. กิจกรรมการพัฒนาครูด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญโดยใช้กระบวนการระบบพี่เลี้ยง 3. แบบประเมินความสามารถของครูต่อการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และ 4. แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นของครูในการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย () ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ t-test (dependent) และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ครูการศึกษาพิเศษมีความต้องการพัฒนาด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญในระดับมาก ความสามารถของครูการศึกษาพิเศษด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญก่อนการพัฒนา อยู่ในระดับปานกลาง (
= 3.26, S.D.= 0.75) ภายหลังการพัฒนาอยู่ในระดับมาก (
=4.25, S.D.= 0.19) ความสามารถของครูการศึกษาพิเศษด้านการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญภายหลังเข้าร่วมวิจัยสูงกว่าก่อนเข้าร่วมวิจัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ความคิดเห็นของครูการศึกษาพิเศษ พบว่า ครูเห็นความสำคัญของการเขียนแผนการสอนเฉพาะบุคคลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ กระบวนการระบบพี่เลี้ยง และประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหน่วยงาน โดยข้อเสนอแนะว่า ควรให้ผู้ปกครอง นักสหวิชาชีพมีส่วนร่วมและควรพัฒนาครูการศึกษาพิเศษด้วยกระบวนการระบบพี่เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2557). คู่มือแนวทางการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ โครงสร้างซีทสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. สืบค้น 20 ธันวาคม 2559, จาก: http://rajanukul.go.th/main/_admin/images/downloadlist/D0000152.pdf
คณะกรรมการกรรมาธิการการศึกษาวุฒิสภา. (2552). แนวทางปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง. กรุงเทพฯ: สำนักเลขาธิการวุฒิสภา.
จิรนันท์ นุ่นชูคัน. (2559). การประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรู้โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสาร Veridian E-Journal SILPAKORN UNIVERSITY, 9(1), 93-94.
ทักษิณา เครือหงส์. (2550). คู่มือการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. ลำปาง: คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง.
นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์. (2560). การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ในการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์, วารสาร VERIDIAN E – Journal SILPAKORN UNIVERSITY, 10(1), 111–127.
เบญจา ชลธาร์นนท์. (2548). การสังเคราะห์งานด้านการจัดการเรียนร่วมสู่ภาคปฏิบัติเพื่อนำสู่นโยบายการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพสำหรับเด็กและเยาวชนพิการ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
พรสุดา ฮวบอินทร์, และปริญญา มีสุข. (2560). ผลการพัฒนาครูตามโครงการพัฒนาครูด้วยการสร้างระบบพี่เลี้ยง Coaching and Mentoring ที่มีผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษาตามการรับรู้ของครู: กรณีศึกษาสถานศึกษามัธยมศึกษา จังหวัดปทุมธานี, วารสาร VERIDIAN E– Journal SILPAKORN UNIVERSITY, 10,(2), 636-646.
ภาควิชาการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. (2560). การศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
มาเรียม นิลพันธ์, และวรรณภา แสงวัฒนะกุล. (2557). การประเมินโครงการพัฒนาครูโดยใชกระบวนการสรางระบบพี่เลี้ยง Coaching & Mentoring ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1, วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 16(3), 85-94.
วิจารณ์ พานิช. (2553). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ ๒๑. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์.
สมศักดิ์ จี้เพ็ชร์. (2562). การพัฒนาคุณภาพครูโดยการนิเทศแบบสอนแนะและการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching and Mentoring) โรงเรียนมหาสวัสดิ์ (ราษฎรบำรุง). วารสารวิชาการบัณฑิตวิทยาลัยสวนดุสิต, 15(2), 165-184.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2548). การสังเคราะห์งานด้านการจัดการเรียนร่วมสู่ภาคปฏิบัติเพื่อนำสู่นโยบายการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพสำหรับเด็กและเยาวชนพิการ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2552). รายงานการศึกษาไทยในเวทีโลก พ.ศ. 2549 (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุเทพ ธรรมะตระกูล. (2555). การศึกษาคุณลักษณะของครูยุคใหม่. เพชรบูรณ์: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชบูรณ์.
อมรรัตน์ ด้วงทรัพย์. (2551). การนำเสนอแนวทางการดำเนินงานวิชาการ โรงเรียนเรียนร่วมที่จัดการศึกษาในระดับการศึกษาภาคบังคับ จังหวัดกำแพงเพชร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม.
อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
Allan. (2007). The benefits and impacts of a coaching and mentoring programs for teaching staff in secondary school. Accessed January 21. Available from http://readinglists.warwick.ac.uk
Cordingley, P. & Buckler. N. (2012). Mentoring and Coaching for Teachers’ Continuing Professional Development. In Fletcher. S. & Mullen. C., Mentoring and Coaching in Education. (p. 223-224). London: Sage.
Gottleman , B. (2000). Peer coaching for educators. Lanhan: The Scarecrow.
Guskey, T. R. (2000). Evaluating professional development. Thousand Oaks: Corwin Press.
Simonsen, B., Britton, L., & Young, D. (2010). School-wide positive behavior support in an alternative school setting: A case study. Journal of Positive Behavior Interventions, 12, 180-191.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


