การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของสมรรถนะดิจิทัลของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
DOI:
https://doi.org/10.14456/psruhss.2023.37คำสำคัญ:
สมรรถนะดิจิทัล , การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน , เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับสมรรถนะดิจิทัลของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ 2) ตรวจสอบและยืนยันโมเดลองค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จำนวน 477 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบวัดระดับสมรรถนะดิจิทัลสำหรับครู วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติพื้นฐานและองค์ประกอบเชิงยืนยันเพื่อทดสอบความสอดคล้องโมเดลองค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลของครูกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1. ผลการศึกษาระดับสมรรถนะดิจิทัลของครู โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ระดับมาก ( = 3.850, S.D. = 0.518) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการส่งเสริมความสามารถของนักเรียน (
= 4.195, S.D. = 0.640) รองลงมา คือ ด้านทรัพยากรดิจิทัล (
= 4.030, S.D. = 0.747) ด้านการประเมินผล (
= 3.869, S.D. = 0.633) ด้านการพัฒนาด้านสมรรถนะดิจิทัลของนักเรียน (
= 3.761, S.D. = 0.815) ด้านการสอนและการเรียนรู้ (
= 3.703, S.D. = 0.689) และด้านการมีส่วนร่วมในวิชาชีพ (
= 3.693, S.D. = 0.551) ตามลำดับ
2. ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สอง พบว่าโมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่า X2 = 136.873, X2/df = 0.889, df = 154, p = 0.836, RMSEA = 0.000, RMR = 0.032, GFI = 0.975, AGFI = 0.958, CFI = 1.000 โดยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสังเกตได้ 22 ตัวแปร มีค่าตั้งแต่ 0.002 - 0.596 เมื่อพิจารณาค่าน้ำหนักองค์ประกอบของตัวแปรทุกตัวมีค่าเป็นบวก มีค่าอยู่ระหว่าง 0.858 ถึง 0.966 ซึ่งค่าน้ำหนักองค์ประกอบเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ องค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลด้านการมีส่วนร่วมในวิชาชีพ องค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลด้านการสอนและการเรียนรู้ องค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลด้านการส่งเสริมความสามารถของนักเรียน องค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลด้านการประเมินผล องค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลด้านการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของนักเรียน และองค์ประกอบสมรรถนะดิจิทัลด้านทรัพยากรดิจิทัล ทั้งนี้ผลการวิจัยที่ได้ ผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปเป็นข้อมูลสารสนเทศเพื่อส่งเสริมและพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลสำหรับครู ซึ่งนำไปสู่การกำหนดแนวทางการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลสำหรับครูต่อไป
เอกสารอ้างอิง
ขนิษฐา จิตแสง. (2563). การสื่อสารระหว่างบุคคลในบริบทการศึกษา. วารสารสารสนเทศศาสตร์, 39(3), 89-107.
ฐากร สิทธิโชค, และวิทวัส นิดสูงเนิน. (2564). ครูสังคมศึกษากับการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ, 21(1), 18-31.
ฐิติวัสส์ สุขป้อม, ณัฏฐกรณ์ ปะพาน, ปิยาภรณ์ เตชะเรืองรอง, และอุดม ตะหน่อง. (2563). ครูกับเทคโนโลยีการสอนในศตวรรษที่ 21. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, 15(2), 1-17.
ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562. (2563, 7 พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 137 ตอนพิเศษ 109 ง. หน้า 10-14.
พิริยา ศิริวรรณ. (2559). การสื่อสารภายในองค์กร (คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) เรื่องที่ไม่อาจมองข้าม. วารสารเวชบันทึกศิริราช, 9(1), 38-43.
ศิริวรรณ วณิชวัฒนวรชัย. (2558). การจัดการเรียนรู้ที่เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 13(2), 65-75.
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก. (2561). แผนปฏิบัติการการพัฒนา บุคลากรการศึกษา การวิจัยและเทคโนโลยีรองรับการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก. สืบค้น 9 สิงหาคม 2564, จาก https://eeco.or.th/web-upload/filecenter/untitled%20folder/EEC013.pdf.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2562). แนวปฏิบัติของการสร้างและส่งเสริมการรู้ดิจิทัลสำหรับครู. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
สุกัญญา แช่มช้อย. (2562). การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล = School Management in Digital Era. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Alarcón, R., Jiménez-Pérez, E., & Vicente - Yagüe Jara, M. I. (2020). Development and validation of the DIGIGLO, a tool for assessing the digital competence of educators: A tool to assess digital competence of educators. British Journal of Educational Technology. 51(1), 1-15.
Best, W. J., & Kahn, J. V. (1993). Research in Education. Boston: Allyn and Bacon.
Dalby, D., & Swan, M. (2018). Using digital technology to enhance formative assessment in mathematics classrooms: Using digital technology in formative assessment. British Journal of Educational Technology, 50(2), 832-845.
Demeshkant, N., Potyrała, K., & Tomczyk, Ł. (2020). Levels of academic teachers digital competence : Polish case-study. Retrieved February 20, 2022, from https://www.researchgate.net/publication/346023046_Levels_of_academic_teachers_digital_competence_Polish_case-study.
Hair, J. F., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2010). Multivariate date analysis. 7th ed. New Jersey: Pearson education.
Hatlevik, O. E., Guðmundsdóttir G. B., & Loi, M. (2015). Examining Factors Predicting Students' Digital Competence. Journal of Information Technology Education, 14(14), 123-137.
Krumsvik, R. (2011). Digital competence in Norwegian teacher education and schools. Högre utbildning, 1(1), 39-51.
Redecker, C., & Punie, Y. (2017). European Framework for the Digital Competence of Educators: DigCompEdu. Retrieved August 9, 2021, from https://publications.jrc.ec.europa.eu/repository/handle/JRC107466.
Strutynska, O., & Umryk, M. (2018). Analysis of development level of the certain digital competence of the Ukrainian educators. Retrieved August 10, 2021, fromhttp://weinoe.old.us.edu.pl/sites/weinoe.us.edu.pl/files/media/10-615.pdf.
Viberg, O., Mavroudi, A., Khlil, M., & Bälter, O. (2020). Validating an instrument to measure teacher’ preparedness to use digital technology in their teaching. Nordic Journal of digital literacy, 15(1), 39-55.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


