การพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน สำหรับนิสิตครูระดับปริญญาตรี

ผู้แต่ง

  • นันทิมา นาคาพงศ์ อัศวรักษ์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก 65000 https://orcid.org/0009-0007-0568-8085
  • ชำนาญ ปาณาวงษ์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก 65000

DOI:

https://doi.org/10.14456/psruhss.2024.16

คำสำคัญ:

ระบบการจัดการเรียนรู้ , การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน , นิสิตครู

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานสำหรับนิสิตครูระดับปริญญาตรี การดำเนินงานแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่ควรเป็นในการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างเป็นนิสิตครูระดับปริญญาตรี จำนวน 113 คน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยของรัฐ 5 แห่งในภาคเหนือของประเทศไทย เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และความต้องการจำเป็น ระยะที่ 2 การพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 3 การปฏิบัติการใช้ระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างเป็นนิสิตครูระดับปริญญาตรี จำนวน 65 คน ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาพลศึกษาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกาย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เครื่องมือวิจัยเป็นแบบวัดความรู้ แบบประเมินทักษะการปฏิบัติ แบบวัดเจตคติ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที ตอนที่ 4 การประเมินรับรองระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน เครื่องมือวิจัยเป็นแบบประเมินรับรอง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง สภาพที่คาดหวังมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ความต้องการจำเป็นเรียงตามลำดับได้แก่ กิจกรรมการเรียนรู้ การวางแผน สื่อและแหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล 2) การพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานมี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ การเรียนเต็มรูปแบบออนไลน์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การเรียนเนื้อหาแบบออนไลน์ การมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และวัสดุประกอบการอ้างอิง ความเหมาะสมและความเป็นไปได้โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด 3) นิสิตครูระดับปริญญาตรีมีคะแนนผลการเรียนรู้หลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 84.02 (หรือ 84.02%) สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 และสูงกว่าก่อนเรียนที่มีค่าเฉลี่ย 63.11 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) การประเมินรับรองระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุดและผ่านการรับรอง

เอกสารอ้างอิง

Alammary, A., Sheard, J., & Carbone, A. (2014). Blended learning in higher education: Three different design Approaches. Australasian Journal of Educational Technology, 30(4), 440-454.

Carman, J. M. (2002). Blended learning design: Five key ingredients. N.P.

Deechai, W. (2019). Development the blended learning model to develop critical thinking and academic achievement of students in vocational education institutions (Doctoral of Industrial Education Thesis). Bangkok: King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang.

Dziuban, C., Graham, C. R., Moskal, P. D., Norberg, A., & Sicilia, N. (2018). Blended learning: the new normal and emerging technologies. International Journal of Educational Technology in Higher Education, 15(3), 1-16.

Guzer, B., & Caner, H. (2014). The past, present and future of blended learning: an in depth analysis of literature. Procedia-Social and Behavioral Sciences, (116), 4596-4603.

Horn, M. B., & Staker, H. (2011). The rise of K-12 blended learning. N.P.

Khaisri, P. (2017). Development the instructional model using blended learning and metacognition for Faculty of Education Students in Rajabhat University in the Northeastern (Doctoral of Education Thesis). Bangkok: Dhurakij Pundit University.

Khlaisang, J. (2019). Documents for Academic Training on Blended Learning. Bangkok: Chulalongkorn University.

Kinto, M. J., Zhu, C., & Kagambe, E. (2017). Blended learning effectiveness: the relationship between student characteristics, design features and outcomes. International Journal of Educational Technology in Higher Education, 14(7), 1-20.

Kuder, G. F., & Richardson, M. W. (1937). The Theory of Estimation of Test Reliability. Psychmetrika, 2, 151-160. http://dx.doi.org/10.1007/BF02288391

Leaudnakrob, N. (2018). Development a blended learning model by organizing learning for change to promoting critical thinking abilities of nursing students (Doctoral of Philosophy Thesis). Phitsanulok: Naresuan University.

Oliver, M., & Trigwell, K. (2005). Can ‘Blended Learning’ Be Redeemed?. E-Learning and Digital Media, 2(1), 17-26. https://doi.org/10.2304/elea.2005.2.1.17

Singh, J., Steele, K., & Singh, L. (2021). Combining the Best of Online and Face-to-Face Learning: Hybrid and Blended Learning Approach for COVID-19, Post Vaccine, & Post-Pandemic World. Journal of Educational Technology Systems, 50(2), 140–171.

Wongwanich, S. (2007). Assessment of Learning Outcomes: New Approach (2th ed.). Bangkok: Chulalongkorn University.

Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis (3rd ed.). Massachusetts: Allyn & Bacon.

Conceptual Frameworks

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

27-04-2024

รูปแบบการอ้างอิง

นาคาพงศ์ อัศวรักษ์ น. ., & ปาณาวงษ์ ช. . (2024). การพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน สำหรับนิสิตครูระดับปริญญาตรี. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 18(1), 229–246. https://doi.org/10.14456/psruhss.2024.16

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย