ความต้องการพัฒนาตนเองของพนักงานนวดแผนไทย เพื่อสุขภาพบริเวณชายหาดในจังหวัดภูเก็ต

ผู้แต่ง

  • ราตรีญา ธีรภัทร์ตระกูล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ ศูนย์ภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000

DOI:

https://doi.org/10.14456/psruhss.2024.32

คำสำคัญ:

ความต้องการพัฒนาตนเอง , พนักงานนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ , สภาพแวดล้อมชายหาดในจังหวัดภูเก็ต

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาข้อมูลทั่วไปและสภาพปัญหา (2) ศึกษาความต้องการพัฒนาตนเอง (3) ศึกษาวิธีการพัฒนาตนเอง และ (4) เสนอแนวทางในการพัฒนาตนเองของพนักงานนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพบริเวณชายหาดในจังหวัดภูเก็ต เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งผู้วิจัยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสังเกตและสัมภาษณ์เชิงลึก กลุ่มตัวอย่างคือพนักงานนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ หัวหน้าพนักงานนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ และหัวหน้าชมรมหัตถเวชประจำตำบลในจังหวัดภูเก็ต รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 72 คน โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง และเสนอผลการวิจัยโดยวิธีพรรณนาวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่า พนักงานนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพบริเวณชายหาดในจังหวัดภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 35-65 ปี จบการศึกษาภาคบังคับ มีปัญหาด้านการใช้ภาษาอังกฤษและรัสเซีย ด้านที่ต้องการพัฒนาตนเอง คือ ต้องการพัฒนาความรู้ความสามารถในเรื่องประโยชน์ของการนวด ข้อควรระวังในการนวด ความสามารถในการควบคุมอารมณ์เพื่อให้ปฏิบัติงานต่อไปได้จนสำเร็จลุล่วง ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อควรระวังในการนวดและภาษาต่างประเทศอื่น ๆ คือภาษารัสเซีย ต้องการทบทวนเรื่องจรรยาและมารยาทที่สำคัญ และความสามารถในการเสนอขายสินค้าเกี่ยวกับการนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ ส่วนวิธีการพัฒนาตนเอง พบว่า ต้องการพัฒนาตนเองด้วยวิธีการฝึกอบรม การศึกษาดูงาน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนร่วมอาชีพ

เอกสารอ้างอิง

จุฑานาฏ อ่อนฉ่ำ. (2561). การศึกษาองค์ความรู้การนวดไทย (ดุษฎีนิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรังสิต.

ชนิญญา ชัยสุวรรณ, และทรงคุณ จันทจร. (2561). แนวทางการพัฒนาผู้ให้บริการนวดแผนไทยในสถานบริการสุขภาพของสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 6(1), 188–199.

ชัญญนิษฐ์ อินทร. (2563). ปัญหาและความจำเป็นด้านการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในการทำงานของพนักงานธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในเขตเมืองพัทยา (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.

ธีรวดี ยิ่งมี, และมงคลชัย โพล้งศิริ. (2562). ความต้องการในการพัฒนาตนเองของบุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. สืบค้น 15 มกราคม 2565, จาก http://www.repository.rmutt.ac.th/dspace/bitstream/123456789/3996/1/20220721-research-teeravadee.pdf

ประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่อง กำหนดมาตรการการบริหารจัดการชายหาดในเขตพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2558. (2558, 2 เมษายน). หน้า 1-2.

ปาณัท แลม, และรังสรรค์ เกียรติ์ภานนท์. (2564). การศึกษาสมรรถนะของผู้แทนขายเพื่อออกแบบแผนการพัฒนาสมรรถนะให้ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าปลีกแบบดั้งเดิม. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 18(2), 170-184.

ภัชญาภา ทองใส, และคมสิทธิ์ สิทธิประการ. (2562). ปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจเพื่อการท่องเที่ยวท้องถิ่น อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารราชพฤกษ์, 17(3), 129-136.

ภาณิกานต์ คงวันทะ, และพิทักษ์ ศิริวงศ์. (2554). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้บริการนวดแผนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบนถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร. ใน การประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี 2554 (น. 328-335). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ภูเก็ตจะรอด “ต้องพัฒนาเศรษฐกิจแนวใหม่” ดันท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทำรายได้เพิ่มกว่า 46,000 ล้านบาท. (26 เมษายน 2564). ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นจาก https://mgronline.com/south/detail/9640000039470

มะสานูสี อาลี. (2562). ความต้องการพัฒนาตนเองตามมาตรฐานความรู้ของผู้ประกอบวิชาชีพครูในสถานศึกษา กลุ่มเครือข่ายมายอพัฒนา จังหวัดปัตตานี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. (2564). วิเคราะห์ผลกระทบของโควิด-19 ต่อธุรกิจท่องเที่ยว. สืบค้น 4 กันยายน 2566, จาก https://tdri.or.th/2021/02/covid-112/

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต. (2565). ภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก. สืบค้น 4 กันยายน 2566, จาก https://www.phuket.go.th/webpk/file_data/plan2/4.MedicalWellnessHub.pdf

ราตรีญา  ธีรภัทร์ตระกูล

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

13-12-2024

รูปแบบการอ้างอิง

ธีรภัทร์ตระกูล ร. (2024). ความต้องการพัฒนาตนเองของพนักงานนวดแผนไทย เพื่อสุขภาพบริเวณชายหาดในจังหวัดภูเก็ต. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 18(2), 471–480. https://doi.org/10.14456/psruhss.2024.32

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย