แรงจูงใจในการทำงาน วัฒนธรรมองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้และประสิทธิผลโรงเรียนเอกชน: เส้นทางความสัมพันธ์

ผู้แต่ง

  • Narong Yupan โรงเรียนอนุบาลมิ่งขวัญ
  • Taweesit Traivichit คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งอโยธยา
  • Wiroon Intrasinghathong ข้าราชการบำนาญ

คำสำคัญ:

แรงจูงใจในการทำงาน, วัฒนธรรมองค์การ, องค์การแห่งการเรียนรู้, ประสิทธิผลโรงเรียนเอกชน

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเส้นทางความสัมพันธ์และอิทธิพลระหว่างแรงจูงใจ
ในการทำงาน วัฒนธรรมองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้และประสิทธิผลโรงเรียนเอกชน ประชากร ได้แก่ ผู้รับใบอนุญาต ผู้อำนวยการโรงเรียนและครูโรงเรียนเอกชน จำนวนทั้งสิ้น 19,845 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้รับใบอนุญาต ผู้อำนวยการโรงเรียนและครูโรงเรียนเอกชน จำนวนทั้งสิ้น 900 คน ของโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนในเขตภาคเหนือของประเทศไทย จำนวน 180 แห่ง โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multistage random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 6 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (r) การวิเคราะห์เส้นทางความสัมพันธ์ (Path analysis) และการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ (Multiple regression)

ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับค่าเฉลี่ยของ แรงจูงใจในการทำงาน วัฒนธรรมองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้และประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชนอยู่ในระดับมากทุกด้าน 2) ความสัมพันธ์ระหว่าง แรงจูงใจในการทำงาน วัฒนธรรมองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้และประสิทธิผลโรงเรียนเอกชน มีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) แรงจูงใจในการทำงาน วัฒนธรรมองค์การ และองค์การแห่งการเรียนรู้มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนเอกชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสามารถทำนายความ
ผันแปรต่อประสิทธิผลโรงเรียนเอกชนได้ร้อยละ 89.20 (R2=0.892)

เอกสารอ้างอิง

พงษ์เทพ จันทสุวรรณ. (2553). ประสิทธิผลองค์การ: ปฏิบทแห่งมโนทัศน์. วารสารร่มพฤกษ์, 28(3), 134-182.

พงษ์เทพ จันทสุวรรณ, เอกรัตน์ ดวงปัญญา, ชาญณรงค์ เศวตาภรณ์, และอนงนาฎ ภูมิภักดี. (2555). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้และประสิทธิผลของหน่วยงานในสถานีตำรวจนครบาล: การวิเคราะห์เส้นทาง. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา, 1, 17-34.

พยอม วงษ์พูล. (2558). อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและองค์การแห่งการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, 4(2), 106-119.

พัชรี เหลืองอุดม. (2554). การศึกษาแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, ปทุมธานี.

วิรุณ อินทร์สิงห์ทอง. (2559). อิทธิพลของคุณภาพชิวิตการทำงานที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์การและประสิทธิผลโรงเรียนในเขตภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย. ใน การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา. นครสวรรค์: มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา.

ชูศักดิ์ เพชรกระจ่าง. (2559). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงจริยธรรม วัฒนธรรมองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้และประสิทธิผลโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์: การวิเคราะห์เส้นทาง. วารสารสมาคมนักวิจัย, 21(3), 62-74.

สัมฤทธิ์ กลางเพ็ง. (2554). การใช้เกณฑ์แปลความหมายค่าเฉลี่ยจากแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า. ค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2559 จาก http://www.kroobannok.com/blog/43535.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน. (2558). โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน. ค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2559 จาก http://www.opec.go.th/webopec/general.

สำนักงานรองรับมาตรฐานและการประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.). (2554). คู่มือการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม (พ.ศ. 2554-2558) ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับสถานศึกษา พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: เม็ทช์พอยท์.

Cameron, K. S., & Whetten, D.A. (1981). Perceptions of Organizational Effectiveness OverOrganizational Life Cycles. Administrative Science Quarterly, 27, 524-544.

Denison, D. R. (1990). Corporate culture and organization effectiveness. New York: John Wiley and Sons.

Herzberg, P. (1959). The motivation to work. New York: John Wiley and Sons.

Leech, N. L., Barrett, K.C. & Morgan, G.A. (2005). SPSS for intermediate statistics: Use and Interpretation. (2nd ed.). Mahwah, NJ: Lawrence Erlbaum.

Manville, B. (2001). Learning the new economy. Leader to leader, 20, 36-45.

Marquardt, M. J. (2011). Building the learning organization: Achieving strategic advantage through a commitment to learning. London and Boston: Nicholas Brealey Publishing.

Quinn, R. E. & Rohrbaugh, J. (1983). A spatial model of effectiveness criteria: Towards a competing values approach to organizational analysis. Management Science, 29(3), 363-377.

Robbins, S. P. (1990). Organization Theory: Structure, design, and applications. (3rd ed.). Englewood Cliffs, N.J: Prentice Hall.

Senge, P. M. (1990). The Fifth Discipline: The art and practice of the learning organization. New York: Doubleday.

Wren, C. Y. (1997). Work motivation and perceived organizational effectiveness inmiddle schools. Retrieved April 10, 2014, from http://wwwlib.umi.com/dissertations/fullcit/9637812.

Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory analysis. (3rd ed.). New York: Harper and Row publication.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

27-06-2018

รูปแบบการอ้างอิง

Yupan, N., Traivichit, T., & Intrasinghathong, W. (2018). แรงจูงใจในการทำงาน วัฒนธรรมองค์การ องค์การแห่งการเรียนรู้และประสิทธิผลโรงเรียนเอกชน: เส้นทางความสัมพันธ์. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 12(1), 249–259. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/GraduatePSRU/article/view/130958

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย