Students' Attitudes Towards Student Affairs Administration at the Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi in the Thailand 4.0 Era.
Main Article Content
Abstract
This research aimed to 1) study students' attitudes towards student affairs administration at the faculty of industrial education, Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi in the Thailand 4.0 Era and 2) compare the attitudes of students towards student affairs management between students in the Bachelor of Industrial Education Program and the Bachelor of Industrial Education Program. The sample used in the research consisted of 156 students from the Faculty of Industrial Education who are studying in the academic year 2024, selected by simple random sampling, divided into 100 students in the Bachelor of Industrial Education Program and 56 students in the Bachelor of Industrial Education Program. The research instruments were an attitude questionnaire in the form of a 5-level rating scale. Data were analyzed by finding the mean, standard deviation, and t-test statistics (Independent Sample t-test).
The research results found that: 1) Students' attitudes towards student affairs administration at a good level overall. When considering each aspect, they could be ranked in order as follows: attitudes towards further education and career guidance were the highest, followed by student activities and discipline development, welfare and alumni relations, and arts and culture, respectively. 2) Students' attitudes towards student affairs administration were not different between students of the Bachelor of Industrial Education program and the Bachelor of Industrial Science program.
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- The articles have been published in academic journals. Saengtham College Is owned by Saeng Tham College Do not republish all text. Except permission from Saengtham College.
- Any content and comments Published in academic journals Saengtham College It is the responsibility of the author only.
References
ชญารัตน์ บุญพุฒิกร. (2018). การพัฒนามาตรวัดเจตคติด้านพฤติกรรมตามจรรยาบรรณวิชาชีพ สําหรับนักศึกษาวิชาชีพครู. RMUTSB Acad. J. (HUMANITIES AND SOCIAL SCIENCES), 3(2), 177-190.
นันทพงศ์ หมิแหละหมัน, นรรถสรรพ เล็กสู่, เฉลิมชาติ เมฆแดง และวัฒนา จินดาวัฒน์. (2563). การใช้กิจกรรมนักศึกษาเพื่อพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงคของบัณฑิตไทย. วารสารวิชาการสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ, 6(2), 559-567.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่. (พิมพ์ครั้งที่10). บริษัท สุวีริยาสาส์น จำกัด.
ประกาศมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ. การแบ่งส่วนงานภายในส่วนราชการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ พ.ศ. 2566. (23 มิถุนายน 2566). การประชุมสภามหาวิทยาลัย. ครั้งที่พิเศษ 3/2566 หน้า 20.
ธรัช อารีราษฎร และวรปภา อารีราษฎร. (2562). รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรคเชิงนวัตกรรม สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตามกรอบแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 สู่การจัดการศกึษา 4.0. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2555). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS และ AMOS. (พิมพ์ครั้งที่ 15).บิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.
เมลดา กลิ่นมาลี. (2559). ความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการให้บริการงานกิจการนักศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. วารสารวิชาการครุศาสตร์อุตสาหกรรม พระจอมเกล้าพระนครเหนือ, 7(2), 81-90.
รมย์รัมภา ณัฐธัญอติรุจ และประเสริฐ อินทร์รักษ์. (2562). แนวทางการบริหารกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏ. วารสารการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร, 10(2), 898-906.
รุ่งรัตน์ มีทรัพย์ และ เตือนใจ ดลประสิทธิ์. (2560). การบริหารกิจการนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, 7(3), 59-69.
สำนักนโยบายและแผนการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2561). แผนอุดมศึกษาระยะยาว 20 ปี พ.ศ. 2561 – 2580. บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2558). คู่มือการประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2557. ภาพพิมพ์.
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2008). Nursing research: Generating and assessing evidence for nursing practice (8th ed). Lippincott Williams & Wilkins.