จริยธรรมงานวิจัยในมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาคุณภาพและความเชื่อถือในงานวิจัยทางวิชาการ ข้อปฏิบัติหลักในงานวิจัยเหล่านี้มีดังนี้:

1. ความถูกต้องและความสุจริต: บทความควรสร้างข้อมูลที่ถูกต้องและสุจริต ไม่ควรทำการปลอมแปลงข้อมูลหรือจัดการข้อมูลให้เกิดการลวงตามความประสงค์ของผู้นิพนธ์ ควรตรวจสอบข้อมูลอย่างเคร่งครัดและให้ข้อมูลที่เป็นไปตามความจริงที่สุด

2. ความน่าเชื่อถือและความสม่ำเสมอ: ผู้นิพนธ์ควรตรวจสอบบทความก่อนการนำเสนอ ไม่ละเมิดความน่าเชื่อถือในการนำเสนอข้อมูล และไม่ควรเลือกเผยแพร่ผลงานเฉพาะที่ส่งผลกระบวนการวิจัยที่ดีเท่านั้น

3. การอ้างอิงแหล่งข้อมูล: ผู้นิพนธ์ควรอ้างอิงแหล่งข้อมูลและผลงานที่มีความเกี่ยวข้องในบทความของตนอย่างถูกต้อง และควรหลีกเลี่ยงการอ้างอิงข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นอื่นๆ โดยไม่มีหลักฐานที่รองรับ

4. ความรับผิดชอบในการเผยแพร่: ผู้นิพนธ์ควรรับผิดชอบต่อความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของบทความของตน และต้องให้ข้อมูลเพียงพอเพื่อให้ผู้อื่นสามารถทำการประเมินและทำความเข้าใจบทความได้อย่างถูกต้อง

5. ความโปร่งใสและการเปิดเผยความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์: ควรเปิดเผยทุกแหล่งทุนที่ให้สนับสนุนงานวิจัย และระบุข้อขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ที่เป็นไปได้ รวมถึงความสัมพันธ์ที่อาจถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ในบทความต้องมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

6. ความประสงค์ในการเรียนรู้และแบ่งปัน: การเผยแพร่บทความควรสาธารณะ และควรสนับสนุนการแบ่งปันความรู้และข้อมูลเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในวงวิชาการและวงการวิจัย

7. การระบุชื่อผู้นิพนธ์: ควรระบุชื่อผู้ที่มีส่วนร่วมและมีส่วนสำคัญในงานวิจัยในบทความ และไม่ควรระบุชื่อผู้ที่ไม่มีส่วนร่วมและไม่มีส่วนสำคัญในงานวิจัย

8. การปฏิบัติตามกฎหมาย: การสนับสนุนและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานวิจัย และการตีพิมพ์งานวิจัย

 

บทบาทและหน้าที่ของผู้นิพนธ์

1. ความเป็นผลงานใหม่: ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่และไม่เคยเผยแพร่มาก่อนในที่อื่น และไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในที่อื่น การส่งบทความเดียวกันพร้อมกันให้กับวารสารมากกว่าหนึ่งที่เดียวถือเป็นการกระทำที่ไม่สามารถเชื่อถือได้และไม่สามารมยอมรับได้

2. ความถูกต้อง: ผู้นิพนธ์ต้องนำเสนอผลงานในลักษณะที่ถูกต้องตามขั้นตอนการดำเนินงานและการวิเคราะห์ของงาน และต้องมีการอภิปรายเกี่ยวกับความสำคัญของผลงานที่นำเสนอ ข้อมูลพื้นฐานควรถูกแสดงในบทความและข้อสรุปควรขึ้นอยู่กับหลักฐานที่นำเสนอในบทความ

3. การอ้างอิงแหล่งข้อมูล: ผู้นิพนธ์ต้องอ้างอิงแหล่งข้อมูลและผลงานที่เผยแพร่มาก่อนได้อย่างถูกต้อง และต้องไม่ทำการอ้างอิงข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นอื่น ๆ โดยไม่มีหลักฐานที่รองรับ

4. การเปิดเผยการสนับสนุนทางการเงินและข้อขัดแย้งแห่งผลประโยชน์: ผู้นิพนธ์ต้องเปิดเผยการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการทำวิจัยและกระบวนการเขียนบทความ และต้องระบุข้อขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ของงานด้วย

5. ความเป็นผู้นิพนธ์: ผู้นิพนธ์ร่วมทุกคนต้องมีส่วนร่วมที่เพียงพอในการดำเนินงาน และต้องยอมรับความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของบทความ รวมถึงการกำหนดและการออกแบบบทความ การเก็บข้อมูลหรือการวิเคราะห์ข้อมูลและการตีพิมพ์ของบทความ ความรับผิดชอบต้องแท้จริงต่อหน้าที่ดังกล่าว

6. ผู้ที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานแต่ไม่ได้รับคุณสมบัติเป็นผู้นิพนธ์: บุคคลที่มีส่วนร่วมในงานที่มีความสำคัญต่อผลงาน แต่ไม่ตรงตามเกณฑ์เป็นผู้นิพนธ์ ควรระบุในส่วน "ขอบคุณ" (Acknowledgments) หลังจากได้รับอนุญาตจากผู้นิพนธ์ร่วมว่าสามารถรับรองให้ระบุชื่อได้ ผู้นิพนธ์หลักควรรับผิดชอบในการแจ้งให้ผู้นิพนธ์ร่วมทุกท่านทราบและยินยอมกับการแก้ไขครั้งสุดท้ายของบทความและยินยอมให้ตีพิมพ์

 

บทบาทและหน้าที่ของบรรณาธิการวารสาร

1. การรักษาความลับ : บรรณาธิการต้องรักษาความลับในข้อมูลและข้อมูลต่อไปในกระบวนการตรวจสอบบทความ และไม่เปิดเผยข้อมูลนี้ให้ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง โดยการใช้กระบวนการประเมินบทความแบบ "double-blind" ที่ไม่ให้ผู้แต่งและผู้ประเมินรู้ชื่อกัน

2. ความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ : บรรณาธิการต้องถอนตัวออกจากกระบวนการประเมินบทความเมื่อมีความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์หรือผู้ประเมินมีส่วนได้ส่วนเสียในการตีพิมพ์ผลงานวิจัย

3. การตัดสินใจเรื่องการตีพิมพ์ : บรรณาธิการต้องตัดสินใจเรื่องการตีพิมพ์บทความโดยอิงตามนโยบายของบอร์ดบรรณาธิการของวารสารและคำแนะนำทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บทความที่จะตีพิมพ์มีคุณภาพและเป็นไปตามเกณฑ์ทางวิชาการและกฎหมาย

4. ความถอนบทความ : บรรณาธิการต้องมีสิทธิและความรับผิดชอบต่อการถอนบทความหากพบว่ามีการคัดลอกหรือการตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อนหรือผิดกฎหมายทางลิขสิทธิ์ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้นิพนธ์

5. การตรวจสอบการคัดลอก : บรรณาธิการต้องตรวจสอบการคัดลอกในบทความที่ส่งมา และใช้ซอฟต์แวร์ตรวจคัดลอกเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในข้อมูล

6. การเปิดเผยและความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์  : บรรณาธิการต้องมีการเปิดเผยทุกแหล่งทุนที่ให้กับงานวิจัยและแสดงความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ที่เป็นไปได้ รวมถึงความสัมพันธ์ที่อาจถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ ในบทความต้องมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

 

 

บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ

1. รักษาความลับ : ผู้ประเมินบทความต้องรักษาความลับของบทความที่ได้รับการตรวจสอบ และไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ในบทความที่อ่านให้กับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง และไม่นำบทความไปใช้ในวัตถุประสงค์ส่วนตัว

2. การถอนตัวจากการอ่านบทความ : หากผู้ประเมินพบว่ามีความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์หรือสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมในการตรวจสอบบทความที่ได้รับ ควรแจ้งให้กองบรรณาธิการวารสารทราบและปฏิเสธการรับผิดชอบในการตรวจสอบบทความ

3. ความเชี่ยวชาญ : ผู้ประเมินบทความควรมีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับบทความที่ต้องตรวจสอบ

4. ความเที่ยงธรรม : การตรวจสอบบทความควรมีความเที่ยงธรรม ไม่ควรมีอคติ ความลำเอียง หรือการใช้ความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่มีข้อมูลรองรับเป็นเกณฑ์ในการตัดสินให้บทความ ควรให้คำแนะนำต่อบทความตามหลักวิชาการที่เกี่ยวข้อง

5. การประเมินระยะเวลา : ผู้ประเมินบทความควรรักษาระยะเวลาการตรวจสอบตามเวลาที่กำหนดไว้โดยวารสาร

 

 

สรุปหน้าที่หลักจริยธรรมของ ผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการ และ   ผู้ประเมิน

หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์ (Duties of Authors) รวมถึงการรักษาความเป็นผลงานใหม่, การนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง, การอ้างอิงแหล่งข้อมูลอย่างถูกต้อง, การเปิดเผยการสนับสนุนทางการเงินและข้อขัดแย้งแห่งผลประโยชน์, การกำหนดเกณฑ์ของผู้นิพนธ์, และการรับรองผู้มีส่วนร่วมที่ไม่ใช่ผู้นิพนธ์ในส่วน "ขอบคุณ" ความรับผิดชอบเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความถูกต้องและคุณภาพของบทความวิชาการ

หน้าที่และความรับผิดชอบของบรรณาธิการวารสาร (Duties of Editors) เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับ, การหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งแห่งผลประโยชน์, การตัดสินใจเรื่องการตีพิมพ์ตามนโยบายบรรณาธิการของวารสารและข้อบังคับทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง, การถอนบทความในกรณีข้อแตกต่างหรือปัญหาลิขสิทธิ์, การตรวจสอบการคัดลอก, และการเปิดเผยแหล่งทุนและข้อขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ บรรณาธิการมีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพและน่าเชื่อถือของการวิจัยวิชาการ

หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ประเมินบทความ (Duties of Reviewers) รวมถึงการรักษาความลับ, การถอนบทความในกรณีมีข้อขัดแย้งแห่งผลประโยชน์, การมีความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง, การตรวจสอบอย่างเที่ยงธรรม, และการปฏิบัติตามระยะเวลาการตรวจสอบ ผู้ประเมินมีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพและความถูกต้องของบทความวิชาการผ่านการตรวจสอบของพวกเขา